คนแก่ในไทย 20 ล้านคนน่าห่วง พบ 70% ไม่วางแผนชีวิต
2024-07-25 HaiPress
คนแก่ในไทย 20 ล้านคนน่าห่วง พบ 70% ไม่วางแผนชีวิตเสี่ยงเป็นภาระลูกหลาน เอ็น.ซี.ซี.สบช่อง จัดงาน InterCare Asia 2024 ปั้นไทยสู่ฮับนวัตกรรมสุขภาพอาเซียน
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้า นิทรรศกาล เปิดเผยว่า จากเทรนด์สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก จนปัจจุบันในประเทศไทยมีถึงประมาณ 20 ล้านคนนั้น เริ่มน่าเป็นห่วง เพราะพบว่า 70% ของกลุ่มดังกล่าวไม่ได้วางแผนชีวิตไว้ล่วงหน้า ทั้งด้านการเงิน ประกันสุขภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีการพึ่งพาครอบครัวใหญ่ เข้าถึงเทคโนโลยีได้น้อย และสินค้าบริการยังไม่พร้อม แพ็กเกจประกันสุขภาพยังไม่มี
“ปัจจุบันสังคมผู้สูงอายุทั่วโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้น คล้ายคลึงกันในทุกประเทศ จากเทรนด์คนไม่แต่งงาน แต่งงานแล้วไม่มีลูก ขณะที่เด็กเกิดน้อยลง ซึ่งถือว่าน่าห่วงอย่างมากเพราะเกิดปัญหาด้านการวางแผนชีวิต ในช่วงอายุ 50-60 ปี ว่าจะอยู่อย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะส่วนใหญ่คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมักจะไม่ทันตั้งตัวกับชีวิตสูงวัย และคนอายุ 70 ปีขึ้นไปไร้ซึ่งการวางแผน จากปกติต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่อายุ 50-70 ปี”
ทั้งนี้ ในยุคที่เทคโนโลยี และบริการต่างๆ เริ่มมีความพร้อม บริษัทจึงเตรียมจัดงาน อินเตอร์แคร์ เอเชีย 2024 งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตสำหรับทุกวัย ระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค. 67 นี้ เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสุขภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงศูนย์กลางการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านสุขภาพ อาทิ เรื่องการวางแผนชีวิต อาหาร ยา การเงิน และประกันชีวิต เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดูแลรักษาตนเองในช่วงสูงวัยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าร่วมงาน 20,000 คน และมีรายได้ภายในงาน 300 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในปีนี้ได้มีความร่วมมือกับสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทยในการจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจะจัดพร้อมกับงาน InterCare Asia 2024 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทย ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่างสองอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทย พร้อมทั้งขยายสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจและนวัตกรรมทางด้านสุขภาพของอาเซียนอันจะนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลสู่ประเทศในระยะยาว
นางประภา วงศ์แพทย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทยในปี 2567 ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจมาใช้บริการด้านการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทย เนื่องจากมีคุณภาพและมาตรฐานสูง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ขณะเทรนด์สินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพที่กำลังมาแรงในปีนี้ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพ การให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม การใช้สมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ รวมถึงการให้บริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล
สำหรับการจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทย โดยเป็นเวทีในการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งเป็นการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในการเข้ามาสู่ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายปรัชญา เพิ่มทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า รัฐบาลได้ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME อย่างเร่งด่วน เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ได้สนับสนุนงบประมาณผ่าน โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือที่รู้จักในชื่อ “SME ปัง ตังค์ได้คืน” ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงิน 50–80% ผ่านการอบรม การโค้ชชิ่งการให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งการขยายช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมอบให้ ISMED เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจจากการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายโดยตรง