ภาคเหนือคึกคักรับลมหนาว ททท.จัดอีเวนต์ยาวดึงดูดนักท่องเที่ยว
2024-11-28 HaiPress
ภาคเหนือคึกคักรับลมหนาว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดอีเวนต์ยาว "เหนือ...พร้อมเที่ยว" สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดนักท่องเที่ยว
ณ วันนี้ ฝันร้ายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ได้ผ่านพ้นมานานกว่า 2 เดือนแล้ว โดยภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ต่างผนึกกำลังร่วมกันฟื้นฟูเพื่อทำให้ดินแดนแห่งความสวยงามทั้งทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณี หรือแม้แต่ความงดงามของผู้คน กลับมามี “มนต์เสน่ห์” เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวกลับมาสัมผัสประสบการณ์อันสวยงามอีกครั้ง
สถานการณ์ในภาคเหนือกลับมาเหมือนเดิม โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกหรือแม้แต่นักท่องเที่ยวชาวไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้จัดงาน “เหนือ…พร้อมเที่ยว” ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อประกาศศักยภาพ ความพร้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวว่า เวลานี้ พื้นที่ภาคเหนือมีความพร้อมเต็มที่ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว
ชี้วิกฤติสร้างโอกาส
“สมชาย ชมภูน้อย” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ชี้ให้เห็นว่า แม้อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นเหตุการณ์ที่หนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 50 ปี และถูกนำเสนอในด้านของความเสียหาย ที่เกิดขึ้นในส่วนของการคมนาคมขนส่ง ความเสียหายจากดินโคลนที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนหนทาง แต่ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่นั้น ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่แหล่งท่องเที่ยวและทั้งเมือง จมอยู่ใต้น้ำ แต่แหล่งท่องเที่ยวไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งตั้งอยู่บนที่สูง โดยมวลน้ำจะไหลไปท่วมเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวและบ้านเรือนประชาชนมากกว่า
อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แม้นำมาซึ่งความเสียหายก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน เพราะทำให้เกิดการ“คลีนอัพ”เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การสร้าง การเพิ่ม สิ่งต่าง ๆ ใหม่ ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสิ่งใหม่ ๆ เกิดความประทับใจ ทำให้กระแสการเดินทางท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง ที่สำคัญ!! จากประสบการณ์ในการทำงานในแต่ละพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย ในแต่ละครั้งหลังการฟื้นฟู ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักกลับมาเที่ยวอีกมากกว่าเท่าตัว
เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น
“ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์อุทกภัย มีการนำเสนอภาพความเสียหายที่เกิดโดยเฉพาะที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย จนทำให้เกิดภาพจำว่าเป็นความเสียหายมาก จนทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในการเดินทางและหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ทั้งที่ในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นได้รับผลกระทบน้อย หรือแทบไม่ได้รับผลกระทบด้วยซ้ำ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางเข้าไปด้วยเช่นกัน เพราะถูกเหมารวมว่าเป็นพื้นที่เกิดเหตุด้วย เหมือนกับช่วงเกิดเหตุสึนามิในหลายปีก่อน ที่เกิดเหตุการณ์ในฝั่งอันดามันในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล แต่กลับเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นมาถึงฝั่งอ่าวไทย อย่าง หัวหิน ชะอำ ที่นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยว”
ผอ.ภูมิภาคภาคเหนือ บอกว่า ในการทำงานหลังจากทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันเข้าไปเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้ประกอบการซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรก จากนั้นก็ร่วมมือกันเพื่อเข้าไปฟื้นฟู รวมถึงเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ว่าในเวลานี้ภาคเหนือพร้อมแล้วที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ซึ่งในส่วนของ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ ได้พยายามสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวผ่านการจัดกิจกรรมแฟมทริป เชิญผู้ประกอบการ อินฟลูเอนเซอร์ ผู้สื่อข่าว เพื่อเข้าไปสำรวจพื้นที่ เพื่อให้เห็นภาพแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างที่“ผาหมี”ที่อยู่ใกล้กับแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มีเพียงแค่ฝนตกหนัก ทำให้เกิดดินสไลด์ลงมาบ้าง ซึ่งชาวบ้านต่างร่วมมือกันเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เหตุการณ์กลับมาปกติ ตอนนี้ผาหมีพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมความงามของไร่กาแฟ สัมผัสลมหนาวและลิ้มชิมรสกาแฟแล้ว ซึ่งทริปแรกที่ ททท. พาอินฟลูเอนเซอร์ และผู้สื่อข่าวเข้าไป ชาวบ้านรวมถึงผู้ประกอบการต่างยิ้มด้วยน้ำตา โดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือใด ๆ เพียงแค่ขอให้มีนักท่องเที่ยวกลับมาในพื้นที่เท่านั้น เพราะเมื่อมีนักท่องเที่ยว ก็จะเกิดการใช้จ่าย ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน
ประกาศเหนือพร้อมเที่ยว
เมื่อพื้นที่ได้รับการฟื้นฟู ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นเรื่องของการกระตุ้น ให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงนี้ได้เข้าสู่ฤดูหนาวที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคเหนือแล้ว ททท. จึงได้เชิญอินฟลูเอนเซอร์ สื่อมวลชน ผู้ประกอบการทั้ง5ภาค คือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ กว่า200คน เดินทางไปยังภาคเหนือ เพื่อร่วมอัปเดตสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ17จังหวัด โดยเริ่มที่เชียงราย และต่อด้วยเชียงใหม่ พร้อมประกาศแคมเปญ“เหนือ…พร้อมเที่ยว”และแคมเปญ“แอ่วเหนือคนละครึ่ง”เพื่อเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างการรับรู้ว่าภาคเหนือพร้อมเที่ยวแล้ว ซึ่งตอนนี้ภาคเหนือพร้อมเที่ยวเกิน100%แล้วในบางพื้นที่
ปั้นแอ่วเหนือฯ เฟส 2
การจัดทำโครงการ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” นี้ ททท.เชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและช่วยให้การท่องเที่ยวสามารถฟื้นได้เร็วในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจากการประเมินประชาชนที่เข้าใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณวันละ100-200คน ส่วนในช่วงที่เป็นช่วงพีคอยู่ที่ประมาณวันละ 1,000-2,000คน ดังนั้นในฐานะผู้ดำเนินการจึงประเมินว่าโครงการนี้ถือว่าสัมฤทธิผลมากถึง 200-300% ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิจะได้รับส่วนลด 50% ของการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 400 บาท โดยสามารถลงทะเบียนและใช้สิทธิได้ที่สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จนถึงสิ้นปี 67 จากสิทธิที่เหลืออยู่…จึงคิดว่าต้องดำเนินการต่อในส่วนของเฟสที่ 2 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ต่อเนื่อง โดยอยู่บนหลักคิดและแนวทางเดิม
นักท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก
ผอ.สมชาย ย้ำว่า ด้วยมนต์เสน่ห์ของภาคเหนือ ผนวกกับการกระตุ้นตลาดของททท.ในหลายกิจกรรม หลายอีเวนต์ ทำให้เวลานี้การเดินทางท่องเที่ยวในภาคเหนือได้กลับมาแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ถึง 80% เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเองและจัดการการท่องเที่ยวเอง ที่เหลืออีกประมาณ 20% จะเป็นนักท่องเที่ยวในกลุ่มขององค์กร อย่างในเทศกาล “ยี่เป็ง” หรืองานเทศกาลลอยกระทง ซึ่ง ททท.ภาคเหนือ ได้พยายามนำจุดเด่นมานำเสนอเพื่อให้เกิดความแตกต่าง โดยนำเสนอคาแรdเตอร์ของแต่ละจังหวัดให้เห็นภาพได้ชัด เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาสัมผัส ก็พบว่า…มีนักท่องเที่ยวเดินทางคึกคักมาก ทั้งจังหวัดสุโขทัย ที่จัดงาน 10 วัน 10 คืน หรือที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง ที่พบว่าห้องพักมีการจองเต็มทุกที่ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
“บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในภาคเหนือเวลานี้ ถือว่าคึกคักพอสมควร โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่พบว่าเที่ยวบินเต็มทุกเที่ยวบินเห็นได้จากตนเองที่ต้องเดินทางไปเชียงราย พบว่า ต้องใช้เวลาเช็คอินเพิ่มขึ้นจากปกติ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก ขณะที่ในพื้นที่ที่มีการจัดงาน จัดกิจกรรมหน้าหนาว ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านค้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ”
ท้าลมหนาว17ดอย
ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงฤดูหนาวยังพบว่า… แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามดอย ตามภู ในจังหวัดภาคเหนือ อย่าง ดอยอินทนนท์ ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นและชมความงดงามของธรรมชาติ ดังนั้นททท.ภาคเหนือ จึงได้โฟกัสไปที่ “ท้าลมหนาว 17 พิกัดมุม (ไม่) ลับ…ห้ามพลาด 17 จังหวัดภาคเหนือท้าลมหนาว” ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาท้าลมหนาวสัมผัสอากาศเย็นบน 17 ดอย จาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ไปจนถึงต้นเดือน ม.ค. ปี 68 ทั้งที่ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่,ดอยจิกจ้อง อ.ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน,ภูชี้ฟ้า เชียงราย,ดอยพระฌาน ลำปาง,จุดชมวิวผาแดงหลวง ลำพูน,ภูสอยดาว อุตรดิตถ์,ผาอิงหมอก แพร่,ดอยเสมอดาว น่าน,ห้วยต้นไฮ บ้านนาต้นจั่น สุโขทัย,ภูลังกา พะเยา,แม่วงก์ กำแพงเพชร,ทีลอซู อุ้มผาง ตาก,ภูหินร่องกล้า พิษณุโลก,แก่นมะกรูด อุทัยธานี,ทุ่งปอเทือง ตากฟ้า นครสวรรค์,ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ และ บึงสีไฟ พิจิตร
สารพัดงานหน้าหนาว
นอกจากนี้ยังมีงานLanna Winter Wonderland คืนลมหนาว เมืองล้านนาที่ดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ที่มีไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 67 นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติก การแสดงไฟสุดอลังการและดนตรีจากศิลปินชื่อดัง หรือจะเป็นงานAmazing Northern Coffee Gathering 2024วันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ งานที่ว่าด้วยเรื่องของกาแฟของภาคเหนือทั้ง 17 จังหวัด ที่จะรวมตัวเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้มาเจอปลายน้ำอย่างผู้บริโภคเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราว ไอเดียและประสบการณ์ในเรื่องของกาแฟร่วมกัน เรียกได้ว่าเป็นงานเทศกาลกาแฟแบบครบวงจรทีเดียว และยังตรงกับช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้บรรยากาศจังหวัดเชียงใหม่เกิดความคึกคักมากขึ้นอีก
ส่วนในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ คือ ตั้งแต่วันที่ 5-8 ธ.ค. 67 จะมีงาน“มีทแคมป์”ซึ่งเป็นงานแคมป์ปิ้ง งานปิ้งย่าง ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดยาว เชื่อว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเช่นกัน รวมไปถึงงานเทศกาลอาหารถิ่น 5 ภาค “ฟู้ด เฟสติเว่อร์”ในวันที่ 11-15 ธ.ค. 67 ที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ งานเฟสติวัลที่นำเสนออาหารเป็นกลไกขับเคลื่อนการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว 5 ภาค สู่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือแม้แต่งานใหญ่ของจังหวัดภาคเหนือ คือเทศกาลดอกไม้เมืองหนาวโดยจะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ น่าน ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ เรื่อยไปจนถึงต้นปีหน้าด้วย
เคานท์ดาวน์ต้องสัมผัส
สุดท้ายของปีที่เป็นงานใหญ่ทั่วโลก อย่างงาน “เคานท์ดาวน์” ที่รับรองได้ว่า ในปีนี้ “เชียงใหม่ เคานท์ดาวน์ 2025” จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ที่อื่น อยากให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้มาสัมผัสให้ได้สักครั้ง โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21-31 ธ.ค. นี้ ที่สวนหลวงราชพฤกษ์เชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอีกหลายโครงการ ที่เชื่อว่าจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รวมไปถึงโครงการ“สุขทันที…ปลายปีเที่ยวไทย”ที่ ททท. เชิญชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านเซเลบริตี้ 4 คนดัง ที่ครอบคลุมทุกเจนเนอเรชัน ได้แก่ ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม ตัวแทนกลุ่มวัยเก๋า,กาย-ฮารุ และครอบครัว เป็นตัวแทนกลุ่ม Multi Generation,วีเจจ๋า ณัฐฐาวีรนุช ตัวแทนกลุ่ม Gen Woman และเจ้านาย จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ตัวแทน Gen Z โดยมีสื่อโฆษณาออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีที่อากาศเย็นสบาย
ขณะเดียวกัน ททท. ยังได้เปิดเว็บไซต์ www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com รวบรวมที่พักชั้นนำจากทั่วประเทศในสไตล์ที่หลากหลายกว่า 200 แห่ง ให้สามารถเลือกโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษ ซึ่งมีส่วนลดตั้งแต่ 15-35% และสามารถรับส่วนลดเพิ่มอีก 5-10% เมื่อจองผ่านเว็บไซต์นี้ ทำให้ผู้จองได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 45% สำหรับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ มีหลากหลายระดับทั้งโรงแรมชั้นนำที่ได้รับรางวัล และโรงแรมเครือดังที่ไม่เคยลดราคามาก่อน
เที่ยวไฮซีซั่นคึกคัก
จนถึงเวลานี้…ททท.ภาคเหนือ มั่นใจว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 67 นี้ (ต.ค.-ธ.ค.) ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าภาคเหนือกว่า 6 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 90% เมื่อเทียบกับการเดินทางในช่วงปกติ และเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ประมาณ 40,000 ล้านบาท หลังจากที่เห็นกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ซึ่งมีความคึกคักมาก จากอากาศที่เริ่มเข้าสู่ความหนาวเย็น และการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเข้าสู่สนามบินเชียงใหม่ รวมถึงตลาดระยะใกล้ที่เข้ามาส่งเสริมการขายในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย ทำให้ ททท. เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยอัตราการจองห้องพักล่วงหน้าในปัจจุบันอยู่ที่80%ซึ่งปัจจัยจากอากาศหนาว ถือเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวภาคเหนืออย่างมาก
จีนครองแชมป์
ภาพรวมนักท่องเที่ยวในภาคเหนือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 67 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 16 ล้านคน สร้างรายได้สะสม1.14แสนล้านบาท ขณะที่เป้าหมายปี 67 อยู่ที่ประมาณ 22-23 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท โดยมั่นใจอย่างมากว่า ด้วยการดำเนินงานของ ททท. โดยเฉพาะการทำตลาด การจัดอีเวนต์ การจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวภาคเหนือได้ตรงตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็น ชาวจีน รองลงมาคือ เกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ขณะที่ในปี 68 ได้วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวไว้ที่ 27-28 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท
ในท้ายที่สุดนี้ ผอ.สมชาย ย้ำว่า จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ ททท. ได้เข้าไปดำเนินการทันทีในทุกรูปแบบ หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยผ่านพ้น จะเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ กลับมาเที่ยวภาคเหนือ เพื่อสัมผัส “มนต์เสน่ห์” ในทุกด้าน ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเคานท์ดาวน์ข้ามปี2567สู่ปี2568พร้อมชมแสงแรกของปี ซึ่งจะดึงความคึกคักในพื้นที่ภาคเหนือให้กลับมาเกิน100%อีกครั้ง!!
ขอบคุณภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย