ททท. ชูจุดแข็งท่องเที่ยวสุขภาพและอาหาร ในงาน TTM+ 2025

2025-06-06 IDOPRESS

ททท. ชูจุดแข็งท่องเที่ยวสุขภาพและอาหาร ในงาน TTM+ 2025 พร้อมขายแพ็คเกจรถไฟหรูจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ผ่าน 5 เส้นทาง

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยในกิจกรรม Thailand Product Updateภายในงาน Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2025 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งชูจุดขายสินค้าและบริการการท่องเที่ยวประเภท Health and Wellness ควบคู่กับ Gastronomy Tourism แก่ผู้ประกอบการต่างประเทศและสื่อมวลชน จำนวนกว่า 500 ราย ที่เข้าร่วมงาน พร้อมตอกย้ำแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainability) เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและนำเรื่องราวไปบอกต่อได้อย่างไม่รู้จบ (Your Story Never End) เพื่อเดินหน้าสู่อนาคตการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน

“นอกจากการเจรจาธุรกิจแล้ว หัวใจสำคัญของงานTTM+ 2025คือการสร้าง “Your Story Never End”ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอันเปี่ยมความหมาย พร้อมทั้งนำเรื่องราวไปบอกต่อได้อย่างไม่รู้จบเมื่อเดินทางมายังประเทศไทย สอดคล้องกับปีAmazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”นายนิธี กล่าว

ทั้งนี้ททท. จึงได้ฉายภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ชูจุดแข็งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงอาหารเพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับคุณภาพให้ทุกการเดินทางเปี่ยมด้วยคุณค่า และมั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะสร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้มาเยือนและชุมชนท้องถิ่น

สำหรับกิจกรรม Thailand Product Update ในงาน TTM+ 2025 เป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health and Wellness) โดยเฉพาะกิจกรรมฟื้นฟูสุขภาพกายและจิตใจที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งเน้นความโดดเด่นของแต่ละภูมิภาค ดังนี้


ภาคเหนือ : สปาล้านนา ที่ Fah Lanna Spa และ การนวดฟ้อนเล็บ ที่ ZiRa Spa 


ภาคกลาง : ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ The Soul จังหวัดสระบุรี ผสมผสานศาสตร์การแพทย์ไทยและจีนอย่างครบวงจรที่ ChivaRak Wellness จังหวัดเพชรบุรี


ภาคตะวันออก : การนวด ZILA Stone Massage โดยใช้หินอ่างศิลาหายาก ที่ MASON Spa การนวดบำบัดแบบไทยพร้อมแช่บ่อน้ำแร่สไตล์ออนเซ็น ทรีตเมนต์สครับสับปะรดศรีราชา ที่ SPA Cenvaree ศรีราชา จังหวัดชลบุรี 

นอกจากนี้ยังมุ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) และสวรรค์ของนักชิม ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดไปจนถึงภัตตาคารที่มีชื่อเสียง ด้วยวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยMichelin Guide Thailand2025 ได้แนะนำร้านอาหารกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง 50 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ และในปีนี้ ร้านอาหารศรณ์เป็นร้านแรกของประเทศไทยที่ได้รับดาวมิชลิน 3 ดาว นับเป็นก้าวสำคัญของวงการอาหารไทยบนเวทีโลก อาหารไทยไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องสุขภาพ ภายใต้แนวคิดWellness on a Plateสร้างสรรค์เมนูอร่อยจากวัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่น เช่น ร้านBlackitchในจังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ยังได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ อาทิ แลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะแห่งใหม่Lannatique by AWCในจังหวัดเชียงใหม่ และแพ็คเกจเส้นทางรถไฟหรูจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่The Blue Jasmine Rail Journeyที่กำลังจะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยตลอดการเดินทางผู้โดยสารจะได้ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น สัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนตลอดเส้นทาง5จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี สุโขทัย และเชียงใหม่

นายนิธี กล่าวว่าททท. ยังมุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างมาตรฐานและสนับสนุนความยั่งยืนในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะโครงการKrabi Prototypeโมเดลการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เลือกจังหวัดกระบี่เป็นต้นแบบในการนำเสนอด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและความแข็งแกร่งของชุมชนท่องเที่ยวในพื้นที่ที่คำนึงถึงเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ อาทิ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวไร่เลย์ ที่กำลังผลักดันเข้าสู่Green Destinations Top100Storiesเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการเติบโตของการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินควบคู่กันไปได้อย่างสมดุล นอกเหนือจากเมืองเก่าจังหวัดน่านที่ได้รับรางวัลระดับGoldจากGreen Destinations Awardนับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยในการสร้างภาพลักษณ์ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวไทยสู่มาตรฐานอย่างยั่งยืนในระดับสากล

พร้อมกันนี้ ททท.ยังเตรียมจัดและสนับสนุนกิจกรรมและอีเวนต์ทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศไทยต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมีไฮไลต์กิจกรรม อาทิAmazing Thailand Love Wins Festivalทั่วประเทศในเดือนแห่งPride Monthเทศกาลผีตาโขนในจังหวัดเลย และเทศกาลดนตรีนานาชาติ อาทิSummer Sonic Bangkok,Rolling Loud Thailandในพัทยา และWonderfruitในจังหวัดชลบุรี เทศกาลถือศีลกินผักในจังหวัดภูเก็ต อีเวนต์ด้านกีฬา ได้แก่ONE Championship Muay Thai series,การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก(FIVB Women’s Volleyball World Championship),Amazing Thailand Marathon 2025และการแข่งขันSEA Gamesครั้งที่33ปิดท้ายด้วยเทศกาลแห่งแสงเสียงในช่วงปลายปี อาทิ ลอยกระทง วิจิตรเจ้าพระยา และAmazing Thailand Countdown 2026

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 พฤษภาคม 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย จำนวนสะสมรวม 14.362 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทยสูงที่สุด ได้แก่ จีน 1.95 ล้านคน) มาเลเซีย 1.9 ล้านคน อินเดีย 9.786 แสนคน รัสเซีย 9.611 แสนคน) และเกาหลีใต้ 6.735 แสนคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 6.5 แสนล้านบาท 

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 เครือข่ายพันธมิตรธุรกิจแห่งประเทศไทย      ติดต่อเรา   SiteMap