จับตาเงินเฟ้อไทยสัปดาห์หน้า คาดกรอบเงินบาท 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์
2025-11-03 HaiPress

ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า คาดกรอบ 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์ จับตาเงินเฟ้อของไทย ทิศทางค่าเงินในเอเชีย และราคาทองในตลาดโลก
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานสถานการณ์ค่าเงินบาทรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ก่อนเคลื่อนไหวในกรอบแคบท้ายสัปดาห์ เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นช่วงต้น-กลางสัปดาห์เช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชียและเงินหยวนที่มีแรงหนุนจากสัญญาณบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ขณะที่ เงินดอลลาร์ขาดแรงหนุนในช่วงก่อนการประชุมเฟด เนื่องจากตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง หลังจากเงินเฟ้อ CPI ออกมาต่ำกว่าที่คาด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯยังมีปัจจัยลบจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ที่ปรับตัวลงในเดือน ต.ค. ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 1 เดือน (นับตั้งแต่ 1 ต.ค. 68) ที่ 32.23 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนลดช่วงบวกและอ่อนค่าลงบางส่วนตามเงินเยนหลังการประชุม BOJ ไม่ส่งสัญญาณในเชิงคุมเข้ม ขณะที่ เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากท่าทีของประธานเฟดที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC รอบถัดไปในเดือน ธ.ค. (แม้ในรอบนี้จะลดดอกเบี้ยลงมาที่ 3.75-4.00% และประกาศเตรียมยุติการลดงบดุลในช่วงต้นเดือน ธ.ค.)
อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ช่วงปลายสัปดาห์ โดยน่าจะได้รับอานิสงส์บางส่วนจากทิศทางแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย แรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่เกินดุลมากกว่าที่คาดในเดือน ต.ค.
ในวันศุกร์ที่ 31 ต.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.77 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,045 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 30,483 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 30,498 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 15 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 3-7 พ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย คำตัดสินของศาลสหรัฐในประเด็นภาษีสินค้านำเข้าของ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมนโยบายการเงินของ BOE รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและบริการ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือน ต.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลการส่งออกเดือน ต.ค. ของจีน และดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน ต.ค. ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน
